ขอเอกสารผู้เช่าให้ครบ นอกจากรายละเอียดการเช่าบ้าน-คอนโดที่ต้องระบุในสัญญาเช่าให้ชัดเจนแล้ว ควรขอเอกสารเกี่ยวกับผู้เช่ามาเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานด้วย เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ฯลฯ พร้อมลายเซ็นผู้เช่ากำกับทุกใบ เพื่อใช้ในการตรวจสอบประวัติและเป็นหลักฐานฟ้องร้องหากมีการทำผิดสัญญาเช่า 8. ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกหนึ่งเรื่องที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ เจ้าของควรถ่ายภาพรูปมุมต่าง ๆ ในบ้านหรือห้องก่อนที่ผู้เช่าจะเข้ามาพักอาศัยด้วย เพื่อใช้ตรวจสอบสภาพสิ่งของและสภาพภายในเมื่อผู้เช่าย้ายออกไปว่า มีอะไรชำรุดเสียหายและผู้เช่าต้องรับผิดชอบอย่างไร ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง เจ้าของบ้านหรือผู้ให้เช่าก็ควรระบุรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการเช่าทั้งค่าใช้จ่าย เงื่อนไข พร้อมข้อบังคับต่าง ๆ ให้ชัดเจน พร้อมทั้งเก็บเอกสารที่เกี่ยวกับผู้เช่าเอาไว้เป็นหลักฐานให้ครบถ้วนด้วยนะ เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ค่าซ่อมต่างๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะเออ เพราะเคยเกิดกรณีวิวาทมาแล้วในเรื่องของการเกี่ยงกันจ่ายค่าซ่อมต่างๆ ดังนั้นสัญญาเช่าที่ดีควรระบุให้ชัดเจนไปเลยว่าส่วนใดที่เจ้าของต้องรับผิดชอบ หรือส่วนใดที่ผู้เช่าต้องจ่าย จะได้แฟร์ๆ หากใครตุกติกก็นำสัญญามากางให้อ่านกันใสๆไปเลย 5. ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ แน่นอนว่าคนเป็นเจ้าของก็มีสิทธิ์ที่จะคัดเลือกผู้เช่าได้ อย่างน้อยข้อห้ามที่ระบุไว้ในสัญญาก็ถือว่าเป็นการคัดกรองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะต้องระบุให้ชัดเจน เช่น ห้ามมีสารเสพติด ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามเล่นการพนัน ห้ามใช้เป็นแหล่งซ่องสุมสิ่งผิดกฎหมาย เป็นต้น และทางที่ดีต้องระบุให้ชัดๆว่า หากเกิดเหตุการณ์ผิดกฎหมายใดๆ เจ้าของไม่มีส่วนรู้เห็น เป็นการป้องกันตัวเองไปด้วยอีกทางหนึ่ง 6. ระยะเวลาเช่าและการต่อสัญญา ข้อนี้ก็สำคัญ การระบุระยะเวลาเช่าต้องชัดเจน เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี ก็ว่ากันไป และต้องระบุวันที่เริ่มและสิ้นสุดสัญญาไว้ด้วย เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย และแน่นอนว่าการต่อสัญญาก็เช่นกัน ควรระบุไว้ให้แจ้งต่อสัญญากันได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนมักจะลืม แต่ถ้าผู้เช่าแฮปปี้ เจ้าของยินดีก็อยู่ต่อกันไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าให้ดีสุดต้องเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกันด้วยนะ 7.